ภูมิธรรมขั้นพื้นฐาน
เพื่อพัฒนาการแห่งชีวิตและสังคม
- -
ปัจจุบันนี้ ปัญหาสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง ซึ่งปรากฏชัดในสังคม คือการที่คนมากมายเป็นชาวพุทธกันเพียงในนาม โดยไม่มีทั้งความรู้ และ
การปฏิบัติของชาวพุทธ สภาพเช่นนี้เป็นเหมือนเมฆหมอกที่บดบังแสงสว่างและความงามแห่งคุณค่าของพระพุทธศาสนา นอกจากตัวบุคคลนั้น
จะไม่เจริญงอกงามในธรรมแล้ว สังคมก็สูญเสียประโยชน์มากมายที่พึงได้จากพระพุทธศาสนา จึงเป็นปัญหาร้ายแรงที่ควรตื่นตัวขึ้นมาเร่งแก้ไข
ประจำตัว และมีมาตรฐานความประพฤติ ที่รองรับ ยืนยัน และแสดงออกถึงความเป็นชาวพุทธนั้น
หลักการ และปฏิบัติการ ที่เรียกว่า “หลักชาวพุทธ” ดังต่อไปนี้ เป็นภูมิธรรมขั้นพื้นฐานของชาวพุทธ
ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในหลักการ และดำเนินตามปฏิบัติการนี้ นอกจากเป็นชาวพุทธสมแก่นามแล้ว จะมีชีวิตที่พัฒนาก้าวหน้างอกงาม และช่วยให้
สังคมเจริญมั่นคงดํารงอยู่ในสันติสุข เป็นผู้สืบต่อวิถีชาวพุทธไว้ พร้อมทั้งรักษาธรรมและความเกษมศานต์ให้แก่โลก
“หลักชาวพุทธ” อันพึงถือเป็นบรรทัดฐาน มีดังต่อไปนี้
- -
หลักชาวพุทธ
๑.
หลักการ
๑.
ฝึกแล้วคือเลิศมนุษย์: ข้าฯ มั่นใจว่า มนุษย์จะประเสริฐเลิศสุด แม้กระทั่งเป็นพุทธะได้ เพราะฝึกตนด้วยสิกขา คือการศึกษา
๒.
ใฝ่พุทธคุณเป็นสรณะ: ข้าฯ จะฝึกตนให้มีปัญญา มีความบริสุทธิ์ และมีเมตตากรุณา ตามอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓.
ถือธรรมะเป็นใหญ่: ข้าฯ ถือธรรม คือความจริง ความถูกต้องดีงาม เป็นใหญ่ เป็นเกณฑ์ตัดสิน
๔.
สร้างสังคมให้เยี่ยงสังฆะ: ข้าฯ จะสร้างสังคมตั้งแต่ในบ้าน ให้มีสามัคคี เป็นที่มาเกื้อกูลร่วมกันสร้างสรรค์
๕.
สำเร็จด้วยกระทำกรรมดี: ข้าฯ จะสร้างความสำเร็จด้วยการกระทำที่ดีงามของตน โดยพากเพียรอย่างไม่ประมาท
๒.
ปฏิบัติการ
ข้าฯ จะนำชีวิต และร่วมนำสังคมประเทศชาติ ไปสู่ความดีงาม และความสุขความเจริญ ด้วยการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
ก).มีศีลวัตรประจำตน
๑.
บูชาบูชนีย์: มีปกติกราบไหว้ แสดงความเคารพ ต่อพระรัตนตรัย
มีศีลห่างอบาย: สมาทานเบญจศีล
ให้เป็นนิจศีลคือหลักความประพฤติประจำตัว
สาธยายพุทธมนต์: สวดสาธยายพุทธวจนะหรือบทสวดมนต์
ฝึกฝนจิตด้วยภาวนา: ทำจิตใจให้สงบ ผ่องใส เจริญสมาธิ อันค้ำจุนสติที่ตื่นตัว หนุนปัญญาที่รู้ทั่วชัดเท่าทัน และอธิษฐาน จิตเพื่อจุดหมายที่เป็นกุศล วันละ ๕–๑๐ นาทีี
ข).เจริญกุศลเนืองนิตย์
ทำกิจวัตรวันพระ: บำเพ็ญกิจวัตรวันพระ ด้วยการตักบาตร
หรือแผ่เมตตา ฟังธรรม หรืออ่านหนังสือธรรม โดยบุคคลที่บ้าน
พร้อมสละแบ่งปัน: เก็บออมเงิน และแบ่งมาบำเพ็ญทาน เพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อบูชาคุณ เพื่อสนับสนุนกรรมดี อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
๗.
๗.
หมั่นทำคุณประโยชน์: เพิ่มพูนบุญกรรม บำเพ็ญประโยชน์
อุทิศแด่พระรัตนตรัย มารดาบิดา ครูอาจารย์ และท่านผู้เป็น
ได้ปราโมทย์ด้วยไปวัด: ไปวัดชมอารามที่รื่นรมย์ และไปร่วมกิจกรรม ทุกวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันสำคัญของครอบครัว
ค).ทำชีวิตให้งามประณีต
กินอยู่พอดี: ฝึกความรู้จักประมาณในการบริโภคด้วยปัญญา
มีชีวิตงดงาม: ปฏิบัติกิจส่วนตน ดูแลของใช้ของตนเอง และทำงานของชีวิต ด้วยตนเอง ทำได้ ทำเป็น อย่างงดงาม
ไม่ตามใจจนหลง: ชมรายการบันเทิงวันละไม่เกินกำหนดที่ตกลงกันในบ้าน ไม่มัวสำเริงสำราญปล่อยตัวให้เหลิงหลงไหลไปตามกระแสสิ่งล่อเร้าชวนละเลิงและมีวันปลอดการบันเทิง อย่างน้อยเดือนละ ๑ วัน
๑๒.
๑๒.
มีองค์พระครองใจ: มีสิ่งที่บูชาไว้สักการะประจำตัว เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย และตั้งมั่นอยู่ในหลักชาวพุทธ
แรกที่สุด พอเด็กเกิดมา ลืมตาดูโลก การศึกษาก็เริ่ม ลูกจะเห็นโลกและมองโลกอย่างไรก็อยู่ที่พระพรหม คือพ่อแม่ จะชี้แสดงชักนำให้ การศึกษาเดินหน้าไป ดังนั้น ถ้าจะให้แน่จริงและมั่นใจที่สุด การปฏิบัติตามหลักชาวพุทธจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้าน โดยการนำของบูรพาจารย์ คือคุณพ่อคุณแม่ ที่แน่แท้ว่าเป็นครูคนแรกของลูก
ข้อมูล: หลักชาวพุทธ
โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
ที่มา www.samathi.com
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น