วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หลักชาวพุทธ



ภูมิธรรมขั้นพื้นฐาน
เพื่อพัฒนาการแห่งชีวิตและสังคม


- - 


ปัจจุบันนี้ ปัญหาสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง ซึ่งปรากฏชัดในสังคม คือการที่คนมากมายเป็นชาวพุทธกันเพียงในนาม โดยไม่มีทั้งความรู้ และ
การปฏิบัติของชาวพุทธ สภาพเช่นนี้เป็นเหมือนเมฆหมอกที่บดบังแสงสว่างและความงามแห่งคุณค่าของพระพุทธศาสนา นอกจากตัวบุคคลนั้น
จะไม่เจริญงอกงามในธรรมแล้ว สังคมก็สูญเสียประโยชน์มากมายที่พึงได้จากพระพุทธศาสนา จึงเป็นปัญหาร้ายแรงที่ควรตื่นตัวขึ้นมาเร่งแก้ไข 

คำว่า “ชาวพุทธ” มิใช่เป็นถ้อยคำที่พึงเรียกขานกันอย่างเลื่อนลอย บุคคลที่จะเรียกได้ว่าเป็น “ชาวพุทธ” จะต้องมีหลักการ มีคุณสมบัติ
ประจำตัว และมีมาตรฐานความประพฤติ ที่รองรับ ยืนยัน และแสดงออกถึงความเป็นชาวพุทธนั้น 

หลักการ และปฏิบัติการ ที่เรียกว่า “หลักชาวพุทธ” ดังต่อไปนี้ เป็นภูมิธรรมขั้นพื้นฐานของชาวพุทธ 

ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในหลักการ และดำเนินตามปฏิบัติการนี้ นอกจากเป็นชาวพุทธสมแก่นามแล้ว จะมีชีวิตที่พัฒนาก้าวหน้างอกงาม และช่วยให้
สังคมเจริญมั่นคงดํารงอยู่ในสันติสุข เป็นผู้สืบต่อวิถีชาวพุทธไว้ พร้อมทั้งรักษาธรรมและความเกษมศานต์ให้แก่โลก 


“หลักชาวพุทธ” อันพึงถือเป็นบรรทัดฐาน มีดังต่อไปนี้ 

หลักการ และปฏิบัติการ ที่เรียกว่า “หลักชาวพุทธ” ดังต่อไปนี้ เป็นภูมิธรรมขั้นพื้นฐานของชาวพุทธ 




- -

หลักชาวพุทธ 



๑. 

หลักการ 


๑. 
ฝึกแล้วคือเลิศมนุษย์: ข้าฯ มั่นใจว่า มนุษย์จะประเสริฐเลิศสุด แม้กระทั่งเป็นพุทธะได้ เพราะฝึกตนด้วยสิกขา คือการศึกษา 

๒. 
ใฝ่พุทธคุณเป็นสรณะ: ข้าฯ จะฝึกตนให้มีปัญญา มีความบริสุทธิ์ และมีเมตตากรุณา ตามอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

๓. 
ถือธรรมะเป็นใหญ่: ข้าฯ ถือธรรม คือความจริง ความถูกต้องดีงาม เป็นใหญ่ เป็นเกณฑ์ตัดสิน 

๔. 
สร้างสังคมให้เยี่ยงสังฆะ: ข้าฯ จะสร้างสังคมตั้งแต่ในบ้าน ให้มีสามัคคี เป็นที่มาเกื้อกูลร่วมกันสร้างสรรค์ 

๕. 
สำเร็จด้วยกระทำกรรมดี: ข้าฯ จะสร้างความสำเร็จด้วยการกระทำที่ดีงามของตน โดยพากเพียรอย่างไม่ประมาท 




๒. 

ปฏิบัติการ 


ข้าฯ จะนำชีวิต และร่วมนำสังคมประเทศชาติ ไปสู่ความดีงาม และความสุขความเจริญ ด้วยการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้





ก).มีศีลวัตรประจำตน 




๑. 

บูชาบูชนีย์: มีปกติกราบไหว้ แสดงความเคารพ ต่อพระรัตนตรัย
บิดามารดา ครูอาจารย์ และบุคคลที่ควรเคารพ 








๒. 

มีศีลห่างอบาย: สมาทานเบญจศีล
ให้เป็นนิจศีลคือหลักความประพฤติประจำตัว
ไม่มืดมัวด้วยอบายมุข 





๓. 

สาธยายพุทธมนต์: สวดสาธยายพุทธวจนะหรือบทสวดมนต์
โดยเข้าใจความหมายอย่างน้อย ก่อนนอนทุกวัน 






๔. 

ฝึกฝนจิตด้วยภาวนา: ทำจิตใจให้สงบ ผ่องใส เจริญสมาธิ อันค้ำจุนสติที่ตื่นตัว หนุนปัญญาที่รู้ทั่วชัดเท่าทัน และอธิษฐาน จิตเพื่อจุดหมายที่เป็นกุศล วันละ ๕–๑๐ นาทีี 





ข).เจริญกุศลเนืองนิตย์ 








๕. 

ทำกิจวัตรวันพระ: บำเพ็ญกิจวัตรวันพระ ด้วยการตักบาตร
หรือแผ่เมตตา ฟังธรรม หรืออ่านหนังสือธรรม โดยบุคคลที่บ้าน
ที่วัด ที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน ร่วมกัน ประมาณ ๑๕ นาที 






๖. 

พร้อมสละแบ่งปัน: เก็บออมเงิน และแบ่งมาบำเพ็ญทาน เพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อบูชาคุณ เพื่อสนับสนุนกรรมดี อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง 






๗. 

หมั่นทำคุณประโยชน์: เพิ่มพูนบุญกรรม บำเพ็ญประโยชน์
อุทิศแด่พระรัตนตรัย มารดาบิดา ครูอาจารย์ และท่านผู้เป็น
บุพการีของสังคมแต่อดีตสืบมา อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง 






๘. 

ได้ปราโมทย์ด้วยไปวัด: ไปวัดชมอารามที่รื่นรมย์ และไปร่วมกิจกรรม ทุกวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันสำคัญของครอบครัว 







ค).ทำชีวิตให้งามประณีต 





๙. 

กินอยู่พอดี: ฝึกความรู้จักประมาณในการบริโภคด้วยปัญญา
ให้กินอยู่พอดี 






๑๐. 

มีชีวิตงดงาม: ปฏิบัติกิจส่วนตน ดูแลของใช้ของตนเอง และทำงานของชีวิต ด้วยตนเอง ทำได้ ทำเป็น อย่างงดงาม
น่าภูมิใจ 






๑๑. 

ไม่ตามใจจนหลง: ชมรายการบันเทิงวันละไม่เกินกำหนดที่ตกลงกันในบ้าน ไม่มัวสำเริงสำราญปล่อยตัวให้เหลิงหลงไหลไปตามกระแสสิ่งล่อเร้าชวนละเลิงและมีวันปลอดการบันเทิง อย่างน้อยเดือนละ ๑ วัน 






๑๒. 

มีองค์พระครองใจ: มีสิ่งที่บูชาไว้สักการะประจำตัว เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย และตั้งมั่นอยู่ในหลักชาวพุทธ 







ด้วยการปฏิบัติ ๓ หมวด ๑๒ ข้อนี้ ข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธแท้จริง ที่มั่นใจว่า จะสามารถรักษาธรรมไว้ และร่วมนำโลกไปสู่สันติสุข 

บุคคลที่ถือปฏิบัติตาม “หลักชาวพุทธ” ดังกล่าวมานี้ เป็นผู้มีภูมิธรรมพื้นฐานของชาวพุทธ จึงเป็นชาวพุทธที่แท้จริง สมกับชื่อที่เรียกขาน 

แรกที่สุด พอเด็กเกิดมา ลืมตาดูโลก การศึกษาก็เริ่ม ลูกจะเห็นโลกและมองโลกอย่างไรก็อยู่ที่พระพรหม คือพ่อแม่ จะชี้แสดงชักนำให้ การศึกษาเดินหน้าไป ดังนั้น ถ้าจะให้แน่จริงและมั่นใจที่สุด การปฏิบัติตามหลักชาวพุทธจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้าน โดยการนำของบูรพาจารย์ คือคุณพ่อคุณแม่ ที่แน่แท้ว่าเป็นครูคนแรกของลูก 

เมื่อเด็กมาเข้าโรงเรียน คือเริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษา ถือว่าเป็นจุดกำหนดในการแสดงความเป็นผู้ศึกษาให้ปรากฏชัดเจนออกมา เท่ากับบอกแจ้งว่าจะตั้งต้นเล่าเรียนศึกษาอย่างจริงจัง ให้สมนามที่เรียกว่าเป็น “นักเรียน” 

ในขณะที่เริ่มแสดงความเป็นนักเรียนนั้น เด็กก็ควรได้โอกาสที่จะเริ่มแสดงความเป็นชาวพุทธของตนให้ปรากฏชัดออกมาด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้กระบวนการของการศึกษาทุกส่วนประสานเกื้อกูลและกลมกลืนกัน ดำเนินไปอย่างครบองค์ สมที่จะเรียกว่าเป็นไตรสิกขา 

มื่อเด็กมีภูมิธรรมพื้นฐานของชาวพุทธ ด้วยการถือปฏิบัติตามหลักชาวพุทธข้างต้นนี้ ความเป็น “ชาวพุทธ” ของเด็กก็จะเริ่มปรากฏชัดเจนออกมา เป็นนิมิตหมายว่าชีวิตของเธอจะงอกงามก้าวหน้าไปในพัฒนาการแห่งการศึกษา ดุจดวงอาทิตย์ที่อุทัยแล้ว ก็จะขึ้นสูงเด่นงามสง่าทอแสงเจิดจ้าให้ความสว่างและพลังอันอำนวยความสัมฤทธิ์สมหวังและความรุ่งเรืองทุกประการ 

อุทัยแห่งชีวิตการศึกษาของเด็ก ก็หมายถึงอุทัยแห่งปวงความหวังของครอบครัว ของสังคม และของมนุษยชาติทั้งมวล อันเป็นหลัก ประกันให้มั่นใจว่า มนุษย์ที่ได้พัฒนาดีแล้วนี้ จะสามารถรักษาธรรมไว้ และนำโลกไปสู่สันติสุขได้ อย่างแน่นอน






ข้อมูล: หลักชาวพุทธ
โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
ที่มา www.samathi.com 

"ถนนสายลูกผู้ชาย"




"ถนนสายลูกผู้ชาย" .. ถนนสายนี้คือถนนแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของลูกผู้ชายทุกคน ..


การบวช..เป็นช่วงชีวิตที่จะมาทำให้ตัว เองบริสุทธิ์
มาลด ละ เลิก ในสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความดี

"บวช" มาจากคำว่า ปวชะ แปละว่า เว้นจากการกระทำแบบคฤหัสถ์ งดเว้นจากสิ่งไม่ดี สิ่งที่ทำ ให้ใจเราต่ำ สิ่งที่ขัดขวางความก้าวหน้าในชีวิต ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชีวิตพระเป็นชีวิตที่มีคุณค่า ยิ่งกว่า เพศภาวะใด ๆในโลก เป็นชีวิตที่มีเกียรติภูมิอันสูงสุด

การบวช.. เป็นการแสดงถึงความเป็นผู้กล้าที่จะเอาชนะกิเลสตามเยี่ยงอย่างพระสัมมาสัม พุทธเจ้า เราต้องกล้าให้โอกาสตัวเองได้ศึกษาธรรมะ เพื่อการหลุดพ้น เพราะเพศภาวะของคน ธรรมดา ๆ นั้น ยากที่จะปฏิบัติตามพระธรรมวินัยให้สมบูรณ์และบริสุทธิ์ได้

วันเวลาของมนุษย์ มีน้อยนัก เมื่อเทียบกับอายุของโลกและจักรวาลอันยิ่งใหญ่แล้ว ชีวิตมนุษย์ ช่างเล็กน้อยเสียเหลือเกิน แต่..หากมนุษย์ต้องการให้วันเวลาที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยของตนนั้น ยิ่งใหญ่ ..ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แค่รู้จัก เปลี่ยนแปลงวันเวลาเหล่านั้นให้มีคุณค่าอย่างแท้จริง ให้ทุกวันที่ผ่านไปเป็นไปเพื่อ ประโยชน์แก่ตนเองและมวลมนุษยชาติ อย่ารอให้วันเวลาของชีวิตโบยบินจากไปอย่างไร้ค่า เราจะ ไม่เหลือความภาคภูมิใจอะไรเลย นอกจากความสำนึก เสียใจอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเดินไปสุด ปลายทางของชีวิตอย่างไร้ความหมาย

เชื่อกันว่าอานิสงส์ของการบวช หมายถึงผลบุญหรือประโยชน์ที่จะได้รับมีดังต่อไปนี้
1. ผลบุญที่พึงเกิดต่อตัวผู้บวช โดยเฉพาะลูกผู้ชายที่นับถือศาสนาพุทธ มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
2. ผลบุญที่พึงเกิดแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติพี่น้อง
3. ผลบุญที่พึงเกิดแก่พระพุทธศาสนา ได้มีผู้ที่จะสืบทอดพระศาสนาต่อไป



ที่มา Fwd

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เรื่องของฝรั่งคนหนึ่งที่คนไทยเรียกเขาว่า "บ้า"

บทสัมภาษณ์รายการ ปราชญ์เดินดิน ของมาร์ติน วีลเลอร์







เรื่องของฝรั่งคนหนึ่งที่คนไทยเรียกเขาว่าบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงินบ้าง

มาร์ติน วีลเลอร์ เป็นชาวอังกฤษ เมือง Blackpool
ปริญญาตรีเกียรตินิยม ภาษาละติน จาก London University
ปัจจุบันแต่งงานกับนางรจนา วีลเลอร์ ชาวขอนแก่นและมีบุตรด้วยกัน ๓ คน




ดูบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่   palungjit.com
 

สัจจะของธรรมชาติ




กลุ่มพุทธทาสศึกษา 





เมื่อไม่ยอมพิจารณา สัจจะของธรรมชาติ
มันก็ดื้อรั้น มีทิฏฐิในสัจจะของตนอย่างเหนียวแน่น
เลยทำให้สัจจะที่แท้จริงของธรรมชาติ
ดังที่ปรากฏอยู่ในรูปของพระธรรมในพระศาสนาต่าง ๆ นั้น
ถูกเหยียบย่ำ คือไม่มีใครสนใจ;
เหยียบย่ำโดยถือเสียว่า ไม่มีประโยชน์อะไร, พ้นสมัยไม่จำเป็น.


พุทธทาสภิกขุ

รวมพลังจิตอาสา กับ Green Volunteer


รวมพลังจิตอาสา กับ Green Volunteer


        สภากาชาดไทย ร่วมกับ คลื่นวิทยุกรีนเวฟ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ตลอดปี พ.ศ.2555 สำหรับกิจกรรมที่ผ่านมา คือ Blood Volunteer จัดร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และ Healthy Charity จัดร่วมกับศูนย์สิริกิติ์ บรมราชินีนาถ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ทั้งสองกิจกรรมนี้ได้รับความสำเร็จและประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

        สำหรับกิจกรรมล่าสุด Green Volunteer ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 22 กรกฎาคม 2555 เวลา 14.00-18.00 น. ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ขอเชิญจิตอาสาทุกท่านสมัครเป็นอาสาสมัคร ร่วมแรงร่วมใจรับภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ด้วยใจอันเสียสละและน่ายกย่องร่วมกับสภากาชาดไทยและกรีนเวฟ พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินมากมาย นำโดย แอม เสาวลักษณ์, กบ ทรงสิทธิ์, แพรว คณิตกุล, นท พนายางกูล (เดอะสตาร์ 7) และ 25 Hours

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การการรับสมัครอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ ของสภากาชาดไทย ดังนี้

สำนักงานอาสากาชาดสภากาชาดไทย รับอาสาสมัครอายุ 18 ปี ขึ้นไป เพื่อเข้ารับการอบรมเป็นสมาชิกอาสากาชาด ภารกิจของอาสากาชาดจะช่วยสนับสนุนงานด้านการประชาสัมพันธ์ ด้านการรณรงค์หารายได้ ด้านอาสาสมัครสัมพันธ์ โครงการที่สำคัญ เช่น โครงการอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยเรื้อรังและผู้ป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งจะเน้นด้านการดูแลจิตใจ, โครงการอาสากาชาดเยี่ยมและดูแลผู้ป่วยที่บ้าน, โครงการอาสากาชาดฟื้นฟูสุขภาพกายและจิตผู้ติดเชื้อเอดส์, โครงการอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตสู่เศรษฐกิจพอเพียง

สำนักงานยุวกาชาดสภากาชาดไทย เชิญชวนเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15 - 25 ปี ร่วมสมัครเป็นสมาชิกยุวกาชาดและร่วมกิจกรรมของชมรมอาสายุวกาชาด ผู้สมัครจะต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาดเพื่อตอบสนองต่อภารกิจแก่นหลักของสภากาชาดไทย และตระหนักในบทบาทของการเป็นอาสายุวกาชาด

สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย รับอาสาสมัครสำหรับช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆ เช่น ช่วยบรรจุน้ำดื่ม จัดชุดธารน้ำใจฯ ช่วยขนย้ายและแพ็คเครื่องอุปโภค บริโภคต่าง ๆ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดือดร้อนหรือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ชวนน้องๆ เยาวชน อายุ 17-25 ปี ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Club 25 of Thailand เป็นการสร้างเยาวชนให้เป็นแกนนำในการบริจาคโลหิตอย่างยั่งยืน ชักชวนเพื่อนๆ รุ่นใหม่ มาบริจาคโลหิต เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย

ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัย สภากาชาดไทย เชิญผู้สนใจสอบถามและขอคำแนะนำเรื่องการสาธิตการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่เป็นประโยชน์ต่ออาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป

ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เชิญชวนผู้มีจิตอาสาร่วมเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ด้วยการแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการการเปลี่ยนและปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อต่อลมหายใจ

ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย เปิดรับแสดงความจำนงบริจาคดวงตา เพื่อให้แสงสว่างแก่ผู้ป่วยที่กระจกตาพิการ ให้มองเห็น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะนี้มีผู้ป่วยรอรับการช่วยเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก

สำนักสารนิเทศและสื่อสารองค์กร สภากาชาดไทย รับอาสาช่วยงานด้านประชาสัมพันธ์และอัพเดทข้อมูลในเว็บไซต์สภากาชาดไทย และช่างภาพที่สามารถถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอได้ สำหรับการลงพื้นที่ทำข่าว

สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ สภากาชาดไทย โทร.1664 หรือ www.redcross.or.th

ประชาชนชาวอเมริกันช่วยกันบริจาค 13 ล้านบาทให้คุณยายคาเรน ไคลน์


DONATE TO KAREN  (Help her go on vacation and retire!) 


ยายคาเรน ไคลน์ วัย 68 ปี ผู้ดูแลรถโรงเรียนถูกเด็กมัธยมล้อเลียนจนร้องไห้ เธอต้องทนฟังคำสบประมาทและล้อเลียนนั้นโดยไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้

ไม่ว่าจะเป็น ยายอ้วน ยาจก ก้นใหญ่ ไปจนถึงคำที่ฟังแล้วทำร้ายจิตใจ เช่น "ยายแกไม่มีครอบครัวหรอก ครอบครัวของแกพากันฆ่าตัวตายหมดแล้ว เพราะไม่อยากเข้าใกล้เธอ" ซึ่งมันเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเธอมาก เพราะในความเป็นจริงแล้ว ลูกชายของคุณยายเองก็เพิ่งจะฆ่าตัวตายไปเมื่อ 10 ปีก่อน ทำให้เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา

ด้วยความคึกคะนองของเด็ก ๆ กลุ่มนี้ พวกเขามีการบันทึกคลิปวิดีโอระหว่างที่พูดจาดูถูกคุณยายเอาไว้เรื่อย ๆ ก่อนทยอยอัพโหลดลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว จากนั้นก็มีผู้ไปพบเข้า จึงนำคลิปวิดีโอดังกล่าวมาเผยแพร่ผ่านยูทูบ จนกระทั่งมีผู้ชมเข้าไปชมนับล้านคน และวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมสุดเสื่อมของเด็ก ๆ กลุ่มนี้


วันผู้บริจาคโลหิตโลก


14 มิถุนายน วัน ผู้บริจาคโลหิตโลก


วันผู้บริจาคโลหิตโลก
เนื่องในวันผู้บริจาคโลหิตโลก 14 มิถุนายน สภากาชาดไทย ร่วมกับคณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่ง
สภากาชาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข กำหนดจัดงานวันผู้บริจาคโลหิตโลก 2555 (World Blood Donor Day 2012)
ในวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2555 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น.
ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนน อังรีดูนังต์


โดยมีคำขวัญการรณรงค์ว่า
Every blood donor is a hero
หรือในภาษาไทยว่า ทุกคนเป็นฮีโร่ได้ด้วยการบริจาคโลหิต เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูผู้บริจาคโลหิตทุกคนที่มีอยู่ทั่วโลก
โดยเฉพาะผู้บริจาคโลหิตประจำ ซึ่งทำหน้าหน้าที่เป็นเสมือนฮีโร่แบบไม่แสดงตัว ช่วยชีวิตผู้อื่นด้วยโลหิตของตนเอง
ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้มีสุขภาพดี รวมถึง ตอบสนองต่อนโยบายขององค์การอนามัยโลก (WHO)
ที่ได้ตั้งเป้าการจัดหาโลหิตไว้ว่า โลหิตทุกยูนิตที่ได้รับบริจาค จะต้องได้มาจากผู้บริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจ
ไม่หวังสิ่งตอบแทน 100% ภายในปี ค.ศ.2020 หรือ พ.ศ.2563
 

 
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย
  • การรับบริจาคโลหิต สเต็มเซลล์ ดวงตา และอวัยวะพิธีมอบโล่รางวัลให้แก่ผู้ชนะการประกวดแคแรคเตอร์การ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่
  • การประกวดบทความแรงบันดาลใจในการบริจาคโลหิต
  • การประกวดโปสเตอร์วันผู้บริจาคโลหิตโลก 2555
  • พิธีมอบประกาศเกียรติให้แก่ผู้บริจาคโลหิต 100 ครั้ง
  • ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ประสานงานหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตเข้มแข็ง
  • กิจกรรมบันเทิง จากศิลปิน ดารา นักร้อง
  • กิจกรรมให้ผู้บริจาคโลหิตร่วมกันเขียนข้อความเชิญชวนบริจาคโลหิตจากแรงบันดาลใจ ลงบนกำแพงแห่งมนุษยธรรม (Wall of Humanity)
  • การจัดเลี้ยงอาหารขอบคุณผู้บริจาคโลหิต
พิเศษ สำหรับผู้บริจาคโลหิตในงาน จะได้รับของที่ระลึก “เสื้อยืดวันผู้บริจาคโลหิตโลก 2555”
ในส่วนภูมิภาค สามารถบริจาคโลหิตได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 7 แห่ง ได้แก่
ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดเชียงใหม ชลบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น สงขลา ภูเก็ต นครสวรรค์ และ
งานบริการโลหิต สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ในโอกาสวันผู้บริจาคโลหิตโลก 2555 จึงขอเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตและประชาชนทั่วประเทศ
ร่วมกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวันแห่งการขอบคุณผู้บริจาคโลหิตโดยพร้อมกัน
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2256 4300 , 0 2263 9600-99 ต่อ 1101,1753,1760

via: http://www.redcross.or.th/news/information/18387

กองทุนเรื่องเล่าเช้านี้เพื่อการบริจาคโลหิต


กองทุนเรื่องเล่าเช้านี้เพื่อการบริจาคโลหิต


กองทุนเรื่องเล่าเช้านี้เพื่อการบริจาคโลหิต
ข่าวดีสำหรับท่านที่อยากจะบริจาคโลหิต แต่ไม่มีโอกาสเนื่องด้วยปัญหาต่างๆ อาทิ
  • ปัญหาสุขภาพ
  • อายุไม่ผ่านเกณฑ์ 17-70 ปี
  • ปัญหาเรื่องน้ำหนักร่างกาย
  • ปัญหาด้านเวลาและโอกาส
ในวาระที่รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ เข้าสู่ปีที่ 10 จึงได้มีการจัดโครงการร่วมกับสภากาชาดไทย
กองทุนเรื่องเล่าเช้านี้เพื่อการบริจาคโลหิต
เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ใช้ในการบริจาคโลหิตต่างๆที่ยังขาดแคลน
โดยการร่วมบริจาคเงินเพื่อการบริจาคโลหิต ได้ที่บัญชี
กองทุนเรื่องเล่าเช้านี้เพื่อการบริจาคโลหิต
ธนาคารกรุงเทพ สาขาอาคารมาลีนนท์ บัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 014-3-00599-9



ทำบุญประเทศไทย


ทำบุญประเทศ


ทำบุญประเทศ

องค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งเป็นตัวแทนของมหาชนชาวไทย ในอุดมการณ์พิทักษ์ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
โดยแนวสันติธรรม ภายใต้การดำเนินการของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ
ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร และเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคล บารมีถวายแด่พระองค์
องค์การพิทักษ์สยาม ได้จัดให้มีการดำเนินงาน
รวมพลังพิทักษ์สยาม


ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ทำบุญประเทศ
ณ บริเวณ ศาลหลักเมือง โดยพร้อมเพรียงกันทั้ง 77 จังหวัด
ในวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2555 เวลา 08:59 น.
โดยการจัดงานในกรุงเทพมหานคร จะกระทำพิธีขึ้น 3 แห่ง โดยพิธีทางสงฆ์
  • จะมีการสวดเจริญพระปริตร และพระคาถาทิพมนต์ ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
  • จัดพิธีบวงสรวงเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง ณ บริเวณศาลหลักเมือง
  • จัดตั้งศาลเพียงตา ใน บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมงานพิธีในครั้งนี้ด้วย
กำหนดการ
กรุงเทพมหานคร
๐๗.๓๐ น. ประชาชนที่เข้าร่วมพิธีเดินทางมาพร้อมเพรียงกัน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงตรงข้ามศาลหลักเมือง
๐๘.๐๐ น. ประธานในพิธีเดินทางมาถึง ณ มณฑลพิธี ประธานฯ จุดธูปเทียนบูชา พระรัตนตรัย ประธานฯ จุดธูปบูชาเทพหลักเมือง
๐๘.๓๐ น. ประธานฯเปิดกรวยถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๐๘.๔๐ น. ประธานฯ นำประชาชนกล่าวคำปฏิญาณฯ
๐๘.๕๙ น. ทั่วประเทศเริ่มพิธีอ่านโองการบวงสรวงพระสยามเทวาธิราชและเทพหลักเมือง (คำอ่านชุดเดียวกันทั่วประเทศ โดย อ.กรหริศ บัวสรวง) สิ้นคำกล่าวโองการลั่นฆ้องชัย ๓ ที โห่ร้อง ๓ ลา ดนตรีบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ (ที่กรุงเทพฯมีการบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ และรำเพลงหน้าพาทย์ โดยศิลปินกรมศิลปากร)
(กรุงเทพฯกระทำพิธีสวดเจริญพระพุทธคุณ สวดพระปริตร และคาถาทิพมนต์ ในพระอุโบสถวัดราชประดิษฐ์สถิตมมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เวลา ๑๐.๐๐ น.) เปิดเพลงมหาฤกษ์
๑๑.๐๙ น. ประธานในพิธีโปรยข้าวตอกดอกไม้วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ มหาชัย เป่าแตรสังข์ ลั่นฆ้องชัยเสร็จพิธี
ต่างจังหวัด
๐๘.๒๐ น. ประชาชนที่เข้าร่วมพิธีเดินทางมาพร้อมเพรียงกันที่ศาลหลักเมืองแต่ละจังหวัด
๐๘.๓๐ น ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณมณฑลพิธี ประธาน จุดธูปเทียนบูชา พระรัตนตรัย จุดธูปบูชาเทพหลักเมือง
๐๘.๓๕ น. ประธานฯเปิดกรวยถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๐๘.๔๐ น. ประธานฯ นำประชาชนกล่าวคำปฏิญาณฯ
๐๘.๕๙ น. ทั่วประเทศเริ่มพิธีอ่านโองการถวายเครื่องสักการะ เครื่องเซ่นบวงสรวง
๑๐.๐๐ น. ประธานฯ นำประชาชนกล่าวถวายพระราชกุศลฯ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ หลังจากนั้น ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา มหาราชินี ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ มหาชัย (เสร็จพิธี)
๑๐.๐๐ น. (ต่างจังหวัด) ประธานฯ นำประชาชนกล่าวถวายพระราชกุศลฯ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ หลังจากนั้น ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา มหาราชินี ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ มหาชัย (ต่างจังหวัดเสร็จพิธี)
พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธาน ร่วมด้วย พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ, พลเอกณัฐชัย เพิ่มทรัพย์,คุณสมพจน์ ปิยะอุย และ คุณกรหริศ บัวสรวง
เวลา 12:00 น. ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน


วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันสันติภาพไทย


วันสันติภาพไทย
ที่มา tkpark.or.th
 


พิราบขาว...สัญลักษณ์ของสันติภาพ
 
        มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2538 กำหนดให้วันที่ 16 สิงหาคมของทุกปีเป็น "วันสันติภาพไทย"...วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่มีความสำคัญต่อสังคมไทย เป็นการระลึกถึงการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งไทยได้รับผลกระทบในสงครามครั้งนี้ด้วย หลายคนคงอยากจะรู้แล้วสิว่า เรื่องราวของ “วันสันติภาพไทย” มีความเป็นมาอย่างไรดังนั้น ฉันจึงขอนำเรื่องเก่า (แต่ยังเก๋าอยู่) มาเล่าใหม่ เพื่อไม่ให้วันสำคัญเช่นวันนี้ผ่านเลยไปในแต่ละปีอย่างไร้ความหมาย อีกทั้งเยาวชนรุ่นหลังจะได้รับรู้ รับทราบถึงวีรกรรม ความรู้รักสามัคคีและเสียสละของประชาชนคนไทยในอีกแง่มุมหนึ่งด้วย เรื่องมีอยู่ว่า...

 
สงครามโลกครั้งที่ 2

เป็นความขัดแย้งในวงกว้างที่ครอบคลุมทุกทวีปและประเทศส่วนใหญ่ในโลก ความขัดแย้งนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 ภูมิภาคของทวีป คือ ทวีปเอเชีย และ ทวีปยุโรป ผู้เข้าร่วมสงครามแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตร ประกอบไปด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหภาพโซเวียต ส่วนอีกฝ่ายคือ ฝ่ายอักษะ นำโดย เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น... สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจากผลสืบเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิเยอรมันซึ่งขณะนั้นเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่มาก แพ้สงครามเลยถูกบังคับให้เซ็นสัญญาฉบับหนึ่งที่เรียกว่า สนธิสัญญาแวร์ซาย ผลของสัญญาทำให้จักรวรรดิเยอรมันล่มสลาย และกลายมาเป็น “สาธารณรัฐไวมาร์” ในที่สุด...ผลสืบเนื่องจากการทำสัญญา เยอรมันเลยต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม ถูกจำกัดกองกำลังทหารและการขยายอาณาเขต เยอรมันภายใต้สนธิสัญญาแวร์ซาย ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แม้จะไม่ถึงกับสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินก็ตาม บางแห่งประชาชนถึงกับพากันบุกพังร้านค้าเพื่อแย่งอาหาร ความอดอยากยากแค้นมีให้เห็นอยู่ทั่วไป เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นภายในประเทศ เศรษฐกิจทรุดหนักที่สุด ประชาชนอยู่อย่างสิ้นหวัง... และรอคอย... เดือนมกราคม ค.ศ. 1933 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคสังคมนิยมชาตินิยมกรรมกรเยอรมัน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศเยอรมนีและเริ่มเสริมสร้างกำลังทางทหารของประเทศอีกครั้ง สร้างความกังวลให้แก่ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับความสูญเสียจากสงครามครั้งที่แล้วเป็นอย่างมาก และความกังวลนั้นก็เป็นจริง ฮิตเลอร์ ปฏิเสธที่จะทำตามสนธิสัญญาแวร์ซาย และสัญญาทุกฉบับที่ถูกบังคับให้ทำในทุก ๆ กรณี จากนั้นไม่นานสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ปะทุขึ้น...
           


ประเทศไทยกับสงครามโลกครั้งที่ 2

       เรื่องราวต่อเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปที่เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2482 เมื่อเยอรมันที่นำโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้ยาตราทัพบุกโปแลนด์และอีกหลายประเทศในยุโรป และสถานการณ์ทางเอเชีย ญี่ปุ่นเริ่มใช้นโยบายชาตินิยมและก่อสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้นที่จีนและเกาหลี “ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยเริ่มขึ้นในวันที่ 8 ตุลาคมพ.ศ. 2483 เมื่อคณะนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง รวมทั้งประชาชนร่วมกันเดินขบวนเรียกร้องรัฐบาล ให้เรียกเอาดินแดนคืนจากฝรั่งเศสจากเหตุการณ์ ร.ศ. 112 เช่น เสียมราฐ พระตะบอง จำปาศักดิ์ เป็นต้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ได้ส่งทหารข้ามพรมแดนเข้าไปยึดดินแดนคืนทันที ท่ามกลางกระแสชาตินิยมอย่างหนัก เพลงปลุกใจในเวลานั้นได้ถูกเปิดอย่างต่อเนื่อง เช่น เพลงข้ามโขง เพลงจำปาศักดิ์ เพลงเสียมราฐ เป็นต้น…เกิดการยิงต่อสู้กันอย่างหนักระหว่างทหารไทยกับทหารฝรั่งเศส ในบางช่วงทหารไทยสามารถจับทหาร (Wikipedia : ยุทธนาวีเกาะช้าง)เหตุการณ์ได้จบลงโดยที่ฝรั่งเศสได้มอบดินแดนบางส่วนคืนให้แก่ไทย...โมร็อกโกซึ่งเป็นทหารประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสมาได้ และได้นำเชลยศึกเหล่านั้นมาแสดงให้ประชาชนทั่วไปได้ดูที่สวนสัตว์เขาดินวนา โดยการต่อสู้ที่เป็นที่กล่าวขานมากที่สุดคือ ยุทธนาวีที่เกาะช้าง จ.ตราด เมื่อเรือหลวงธนบุรีของกองทัพเรือไทยได้เข้าต่อสู้กับเรือรบลามอตต์ปิเกต์ของฝรั่งเศสเรือหลวงธนบุรีเสียเปรียบเรือรบลามอตต์ปิเกต์ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรือกำลังพลที่สุดเรือหลวงธนบุรีโดยการบังคับบัญชาของ นาวาโทหลวงพร้อมวีระพันธ์ ก็ได้ถูกยิงจมลง นายทหารบนเรือเสียชีวิตรวม 36 นาย รวมทั้งตัวหลวงพร้อมวีระพันธ์เองด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสร้างความเสียหายให้แก่เรือรบลามอตต์ปิเกต์ จนฝ่ายฝรั่งเศสไม่กล้าส่งเรือรบมาลาดตระเวนในน่านน้ำอ่าวไทยอีกเลย เหตุการณ์นี้ได้ถูกเรียกในเวลาต่อมาว่ายุทธนาวีเกาะช้าง การต่อสู้ยังคงดำเนินไปถึงกลางปี พ.ศ. 2484 ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ ทางญี่ปุ่นแสดงเจตจำนงเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง
           


ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกในประเทศไทย      

        หลังการเข้ามามีบทบาทของญี่ปุ่นในเหตุการณ์นี้ เป็นที่คาดหมายว่า ญี่ปุ่นจะยาตราทัพเข้าสู่ประเทศไทยแน่ในอนาคต รัฐบาลไทยโดย จอมพล ป. ได้รณรงค์ให้ประชาชนปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ และการเสริมสร้างเศรษฐกิจระดับต้น ๆ อย่างเข้มแข็ง เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่นการออกพระราชบัญญัติสงวนอาชีพบางประเภท ที่ส่วนมากเป็นงานฝีมือ เฉพาะแก่คนไทย เป็นต้น และคำขวัญในครั้งนี้ก็ได้แก่ งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข บรรยากาศโดยทั่วไปทั้งในพระนครและต่างจังหวัด ประชาชนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ในเหตุการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้นในเวลาใกล้นี้ เพลงปลุกใจจำนวนมากได้ถูกเปิดขึ้นโดยสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยในครั้งนี้ส่วนมากจะเป็นเพลงมาร์ช ของเหล่าทัพต่าง ๆ...ในช่วงเวลานั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้นในทวีปเอเชีย เมื่อกองทัพญี่ปุ่นได้เปิดฉากโจมตีฐานทัพเรือเพิร์ลฮาเบอร์ของสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก ฮ่องกงและเมืองโคตาบารูทางเหนือของมาลายูอย่างรุนแรงและฉับพลัน ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยมิได้ประกาศสงครามล่วงหน้าก่อน อังกฤษและสหรัฐอเมริกาจึงประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในวันนั้น สงครามมหาเอเชียบูรพา (The Greater East-Asia War) จึงได้อุบัติขึ้น และในวันเดียวกันนั้นเองญี่ปุ่นได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลไทยขอให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทย ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยยังไม่ได้มีท่าทีตอบสนองต่อข้อเสนอของทางญี่ปุ่น ภายหลังการโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์เพียงหนึ่งชั่วโมง กองทัพญี่ปุ่นก็ได้ส่งกองกำลังบุกเข้าประเทศไทยทางชายแดนด้านภาคตะวันออก และยกพลขึ้นบกทางชายฝั่งทะเลอ่าวไทย จังหวัดปัตตานี สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพรและตำบลบางปู สมุทรปราการ... แม้ว่ารัฐบาลไทยในขณะนั้นจะไม่มีท่าทีตอบสนองต่อข้อเสนอต่อกองทัพญี่ปุ่น แต่รัฐบาลก็ได้เลือกที่จะทำการประนีประนอมแบบไม่เสียเลือดเนื้อ โดยตกลงยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศแต่เพียงอย่างเดียวอย่างไรก็ดี ด้วยเหตุการณ์การเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ตึงเครียดยิ่งขึ้น รัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ทำสัญญาร่วมรบกับญี่ปุ่นเมื่อวันที่21 ธันวาคม พ.ศ. 2484 และในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.  2485 ก็ประกาศสงครามต่อบริเตนใหญ่ (อังกฤษ) และสหรัฐอเมริกาจึงเท่ากับว่าเข้าร่วมหัวจมท้ายกับฝ่ายอักษะและเป็นฝ่ายตรงข้ามฝ่ายพันธมิตรอย่างเต็มตัว
 


เสรีไทย ขบวนการประชาชน

            การที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ยินยอมตกลงเข้าร่วมกับญี่ปุ่นและประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ทำให้บุคคลสำคัญทางการเมืองการปกครอง ข้าราชการ และชาวไทยทั้งในและนอกประเทศไม่เห็นด้วยกับนโยบายประกาศสงคราม มีการรวมตัวกันเคลื่อนไหวต่อต้านญี่ปุ่น คนไทยในประเทศนำโดยนายปรีดี พนมยงค์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง กลุ่มที่สอง คนไทยในสหรัฐอเมริกานำโดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการไม่ยอมส่งคำประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกา และถือว่าการประกาศสงครามนั้นมิใช่เจตนาของคนไทย กลุ่มที่สาม กลุ่มคนไทยในอังกฤษ นำโดยนักเรียนไทย ณ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่ง

ขบวนการเสรีไทย (Free Thai Movement) เป็นขบวนการใต้ดินที่ดำเนินการระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วง พ.ศ. 2484 - 2488 มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านการรุกรานของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติไทย ขบวนการเสรีไทยกำเนิดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นยกทัพเข้ามาทางด้านทิศตะวันออกและยกพลขึ้นบกจากอ่าวไทย เดิมเรียกขบวนการนี้ว่า "องค์การต่อต้านญี่ปุ่น" ภายหลังจึงเปลี่ยนไป "เสรีไทย" มีบทบาทเป็นแหล่งข่าวสำคัญของฝ่ายสัมพันธมิตร

            นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งโรงเรียนนายทหารสารวัตร และโรงเรียนนายสิบสารวัตรทหาร โดยรับสมัครนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักเรียนเตรียมปริญญาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และนักเรียนโรงเรียนเตรียมนายเรือ มาฝึกให้เป็นผู้บังคับบัญชาของกองกำลังใต้ดินเพื่อเตรียมสู้รบกับกองทัพญี่ปุ่นในวันที่ฝ่ายสัมพันธมิตรกำหนด มีการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยในประเทศร่วมกันต่อต้านญี่ปุ่น ส่งข่าวด้านยุทธศาสตร์ทางทหารตลอดจนรายงานสภาพดินฟ้าอากาศให้ฝ่ายสัมพันธมิตรทราบ ซึ่งทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถปฏิบัติการทางทหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี การปะทะกันระหว่างขบวนการเสรีไทยกับกองทัพญี่ปุ่นไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะญี่ปุ่นประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2488 หลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 แม้ว่าไทยจะร่วมกับญี่ปุ่นในการประกาศสงคราม แต่ความร่วมมืออย่างลับ ๆ ของไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตรทำให้ไทยมีอำนาจต่อรองในการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตรหลังสงครามยุติ โดยสหรัฐอเมริกาถือว่าไทยไม่เคยประกาศสงครามต่อประเทศของตน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 หลังจากญี่ปุ่นโดนทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูก ไทยได้ตัดสินใจประกาศสันติภาพ และประกาศโมฆกรรมแห่งการประกาศสงครามต่อฝ่ายพันธมิตร ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488


 
64 ปีวันสันติภาพไทย

            ตามความจริงแล้วหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนน ไทยก็น่าจะตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อสงครามครั้งนี้ด้วย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยไม่ตกอยู่ในสถานะของผู้แพ้สงคราม ก็คือ การตัดสินใจประกาศสันติภาพ และประกาศโมฆกรรม แห่งการประกาศสงครามต่อฝ่ายพันธมิตร...

          “คำประกาศสันติภาพ” ของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีดังต่อไปนี้

          "...โดยที่ประเทศไทยได้เคยถือนโยบายอันแน่วแน่ที่จะรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจะต่อสู้การรุกรานของต่างประเทศทุกวิถีทาง ดังปรากฏเห็นได้ชัดจากการที่ได้มีกฎหมายกำหนดหน้าที่คนไทยในเวลารบ เมื่อพุทธศักราช 2484 อยู่แล้วนั้น ความจำนงอันแน่วแน่ดังกล่าวนี้ได้แสดงให้เห็นประจักษ์แล้ว ในเมื่อญี่ปุ่นได้ยาตราทัพเข้าในดินแดนประเทศไทย ในวันที่ 8 ธันวาคม พุทธศักราช 2484 โดยได้มีการต่อสู้การรุกรานทุกแห่ง และทหาร ตำรวจ ประชาชน พลเมืองได้เสียชีวิตไปในการนี้เป็นอันมาก

เหตุการณ์อันปรากฏเป็นสักขีพยานนี้ ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งว่าการประกาศสงคราม เมื่อวันที่ 25 มกราคม พุทธศักราช 2485 ต่อบริเตนใหญ่และสหรัฐอเมริกา ตลอดทั้งการกระทำทั้งหลายซึ่งเป็นปรปักษ์ต่อสหประชาชาตินั้น เป็นการกระทำอันผิดจากเจตจำนง ของประชาชนชาวไทยและฝ่าฝืนขืนขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง ประชาชนชาวไทยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลือสนับสนุนสหประชาชาติ ผู้รักที่จะให้มีสันติภาพในโลกนี้ได้กระทำการทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือสหประชาชาติดังที่สหประชาชาติส่วนมากย่อมทราบอยู่แล้ว ทั้งนี้ เป็นการแสดงเจตจำนงของประชาชนชาวไทยอีกครั้งหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยต่อการประกาศสงคราม และการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อสหประชาชาติดังกล่าวมาแล้ว

บัดนี้ ประเทศญี่ปุ่นได้ยอมปฏิบัติตามคำประกาศของสหรัฐอเมริกา บริเตนใหญ่ จีน และสหภาพโซเวียต   ซึ่งได้กระทำ ณ นครปอตสดัมแล้ว สันติภาพจึงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย อันเป็นความประสงค์ของประชาชนชาวไทย ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอประกาศโดยเปิดเผยแทนประชาชนชาวไทยว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เป็นโมฆะ ไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย ในส่วนที่เกี่ยวกับสหประชาชาติ ประเทศไทยได้ตัดสินที่จะให้กลับคืนมาซึ่งสัมพันธไมตรีอันดีอันเคยมีมากับสหประชาชาติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พุทธศักราช 2484 และพร้อมที่จะร่วมมือเต็มที่ทุกทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้
บรรดาดินแดนซึ่งญี่ปุ่นได้มอบให้ไทยครอบครอง คือ รัฐกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี ปะริส เชียงตุง และเมืองพานนั้น ประเทศไทยไม่มีความปรารถนาที่จะได้ดินแดนเหล่านี้และพร้อมที่จะจัดการเพื่อส่งมอบในเมืองบริเตนใหญ่พร้อมที่จะรับมอบไป ส่วนบรรดาบทกฎหมายอื่น ๆ ใดอันมีผลเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐอเมริกา บริเตนใหญ่และเครือจักรวรรดิ ก็จะได้พิจารณายกเลิกไปในภายหน้า บรรดาความเสียหายอย่างใด ๆ จากกฎหมายเหล่านั้นก็จะได้รับชดใช้โดยชอบธรรม..." (http://thainews.prd.go.th/Misc/peaceday/blog/inde_.html)

เนื่องในโอกาสครบรอบ 64 ปี วันสันติภาพไทย ถือเป็นโอกาสอันดีที่คนรุ่นหลังอย่างพวกเราจะได้มีโอกาสทบทวนบทเรียนที่ผ่านมาของประเทศชาติและสังคมไทย ที่คนรุ่นก่อนได้ใช้สติปัญญาความสามารถในการแก้ไขปัญหา มากกว่าที่จะใช้กำลังเข้าประหัตประหาร...ความเสียสละ ความสามัคคีของขบวนการเสรีไทย ที่ได้ร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและประเทศชาติเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และมีเกียรติสันติภาพจึงไม่ใช่ได้มาด้วยการเรียกร้องที่จะได้รับ แต่อยู่ที่การเสียสละเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม ดังนั้น ในวันที่ 16 สิงหาคมของทุกปี จึงเป็นวันที่ระลึกถึงการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นวันที่ประเทศไทยประกาศสันติภาพ และเพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญดังกล่าวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงตั้งชื่อถนนภายในศูนย์ท่าพระจันทร์ ที่เชื่อมระหว่างประตูถนนพระอาทิตย์กับประตูท่าพระจันทร์ซึ่งเป็นถนนเส้นที่ผ่านหน้าตึกโดมว่า ถนน 16 สิงหา อีกด้วย

            "...สันติภาพ มิได้หมายความถึงการสงบนิ่งไม่กระทำการใด ๆ เลย หากเป็นปฏิบัติการแห่งความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ และสิ่งแวดล้อมทั้งมวล ภารกิจเพื่อสันติภาพจึงเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติซึ่งจะบรรลุผลสำเร็จได้ มิใช่ด้วยการเรียกร้องที่จะได้รับ หากอยู่ที่การลงมือเสียสละเพื่อประโยชน์สุขของมหาชน…" (พระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเนื่องในงาน ๕๐ ปี วันสันติภาพไทย วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๘)
 

 
*ข้อมูลอ้างอิง
 
http://th.wikipedia.org คำค้น “สงครามโลกครั้งที่ 2”
 http://th. panyathai.or.th 
http://thainews.prd.go.th/Misc/peaceday/blog/inde_.html
 
สันติสุข โสภณสิริ. (2538). สู่ศานติ: 50 ปี สันติภาพไทย 6 สิงหาคม 2488-2538. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการวันสันติภาพไทย.
 
สันติสุข โสภณสิริ. (2548). 60 ปีวันสันติภาพไทย 16 สิงหาคม 2548. กรุงเทพฯ: ฝ่ายจัดกิจกรรมทางวิชาการและจัดทำหนังสือที่ระลึก คณะกรรมการดำเนินการจัดงานฉลอง 60 ปี วันสันติภาพไทย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
 
วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์และคณะ. (2546). เสรีไทย: อุดมการณ์ที่ไม่ตาย . กรุงเทพฯ: คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือที่ระลึก คณะกรรมการดำเนินงานเปิดอาคารเสรีไทยอนุสรณ์.