วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จากเด็กจรจัดไร้บ้าน ต้องรับจ้างถูพื้นโรงเรียน สู่รั้วมหาวิทยาลัยชื่อก้องโลก "ฮาร์วาร์ด"


From Homeless to Harvard




ที่โรงเรียนเบิร์นส์ไฮสกูล ในเมืองลอนเดล รัฐนอร์ธแคโรไลน่า
สาวน้อยดอว์น ลอกกินส์ (Dawn Loggins) กำลังถูพื้นอย่างขมีขมัน เพื่อหารายได้จุนเจือการเรียน
…เธอเป็นนักเรียนเกียรตินิยม A รวดทุกวิชา
นอกเวลาเรียน ดอว์นต้องถูพื้นทั่วทั้งโรงเรียน ไม่เว้นแม้ห้องน้ำ
ก่อนหน้านี้ พ่อแม่เธอติดยา และได้หนีเธอไป ทอดทิ้งเธอให้ไร้บ้าน
ครูและชาวบ้านต้องบริจาคเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นให้เธอ
และหางานภารโรงที่โรงเรียนให้ เพื่อหารายได้
เธอถูพื้นทำความสะอาด อย่างไม่เคยบ่นรำพัน
ซาบซึ้งที่มีงานหารายได้เล็กๆ น้อยๆ มาประทังชีวิตได้
ดอว์นเติบโตมาอย่างยากจนข้นแค้น บ่อยครั้งที่ไม่มีน้ำไฟให้ใช้
ไม่มีแสงสว่างที่จะทำการบ้านอ่านหนังสือได้
จนครูในโรงเรียนต้องหาเทียนไขให้เธอใช้ในยามค่ำมืด
....ด้วยเทียนไขนี้ เธออ่านหนังสือทำการบ้านอย่างหมั่นเพียรไม่เคยย่อท้อ
....จนผลการเรียนดีเด่น ได้รับเลือกให้เข้าค่ายศึกษาวิทยาศาสตร์ร่วม 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นค่ายวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนระดับยอดเยี่ยมของทั้งรัฐ


แต่ช่วงที่ที่เธอเข้าร่วมค่ายนี้เอง พอดีกับเป็นเวลาที่พ่อแม่ได้ทิ้งเธอไป
เธอกลับบ้านมาพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน แถมมีประกาศติดไล่ให้ออกจากบ้าน
.....ทำให้ดอว์นไร้บ้าน ขาดพ่อแม่
ภายหลังดอว์นได้ข่าวว่าพ่อแม่ย้ายหนีไปอยู่อีกรัฐหนึ่งเสียแล้ว
เธอบอกว่า "ไม่เคยนึกคิดว่า พ่อเลี้ยงกับแม่จะทิ้งหนีหนูไปได้ง่ายๆ อย่างนั้น
แต่หนูก็ไม่ได้นึกโกรธพ่อแม่นะ เขาคงคิดว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้หนูแล้ว
ความจริงหนูก็รู้ว่า ทั้งพ่อกับแม่มีปัญหาที่ต้องแก้ไขให้ได้ด้วยตัวเอง
หนูรู้ว่าพ่อกับแม่รักหนู เพียงแต่แสดงออกเหมือนที่ชาวบ้านทั่วไปเขาทำกันไม่เป็นเท่านั้นเอง"


หลังจากนั้น เธอต้องระเหเร่ร่อน ไปนอนตามบ้านเพื่อน....บางครั้งก็ต้องนอนกับพื้นบ้าน


ในขณะนั้น เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องมีผู้ปกครองดูแลจนกว่าอายุจะครบ 18 ปี
และเนื่องจากเธอเลือกที่จะไม่ตามไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างรัฐ
แต่เลือกที่จะอยู่กับเมืองนี้เพื่อเรียนหนังสือต่อไป
ทำให้ทั้งชุมชนและบรรดาครูโรงเรียน รับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของเธอกันทั่วหน้า
และได้ขอให้คู่สามีภรรยาคนขับรถโรงเรียน ให้เธออาศัยพักที่บ้าน
โดยครูต่างสมทบค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือน
ชีวิตเธอก็เริ่มเข้าที่เข้าทางโดยมีหลังคาคลุมหัว
และมีงานพิเศษทำ เพื่อให้เรียนหนังสือต่อไปได้


ย่างเข้าปีสุดท้ายในไฮสกูล เธอตัดสินใจเด็ดขาด
ที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
เธอเลือกที่จะเดินบนทาง ที่ต่างจากพ่อและแม่
"เมื่อเด็ก หนูได้มีโอกาสเห็นหนทางที่เลวร้ายทั้งหลายอยู่ต่อหน้า
ทั้งยาเสพติด ทั้งชีวิตที่เลือนลอย และสิ่งแย่ๆ อื่นๆ
แต่หนูตัดสินใจแน่วแน่ว่า จะไม่เดินบนทางเหล่านั้นเด็ดขาด
หนูรู้ว่า ก า ร ศึ ก ษ า จะพาให้หนูพ้นจากวังวนเลวร้ายทั้งหลายได้
อาจมีคนมากมายที่โทษสิ่งแวดล้อมรอบตัว
แต่หนูใช้สถานการณ์แย่ๆ พวกนั้น มาเป็นพลังใจ ที่จะผลักดันให้หนูหลุดพ้นออกมาให้ได้"



นอกจากที่ตั้งใจเรียนดีแล้ว เธอยังเลือกทำกิจกรรมต่างๆ เป็นประธานชมรมถ่ายรูป
และริเริ่มทำโปรแกรมบริการสังคมเพื่อรวบรวมจดหมายเขียนให้กำลังใจทหารที่อยู่ประจำการในแนวรบ
พร้อมทั้งเป็นสมาชิกสมาคมเกียรติยศแห่งชาติ และร่วมชมรมดุริยางค์
แล้วก่อนหน้านี้เธอยังวิ่งมาราธอนอีกด้วย


ในปีสุดท้ายในโรงเรียน เธอส่งใบสมัครเรียนไปมหาวิทยาลัยธรรมดา 4 แห่งภายในรัฐนอร์ธแคโรไลน่า และที่ ม.ฮาร์วาร์ด รวมเป็นแห่งที่ 5
....ที่โรงเรียนของเธอ ตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมา ยังไม่เคยมีใครได้ไปเเรียนมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าสดุๆ ในอเมริกามาก่อนเลย
ดอว์นก็เลยตัดสินใจท้าทายความเชื่อ
โดยส่งใบสมัครไปที่สุดยอดมหาวิทยาลัยในฝัน คือที่ ฮาร์วาร์ด ด้วย


ครูแลรี่ การ์ดเนอร์ ครูสอนวิชาประวัติศาสตร์
เป็นคนเขียนจดหมายรับรอง ประกอบการสมัครเรียนที่ฮาร์วาร์ด เขาเขียนในจดหมายว่า
"ข้าพเจ้าไม่ทราบจะหาสรรหาคำมาบรรยายในจดหมายรับรองนี้ได้อย่างไรให้ได้ดังใจคิด
ข้าพเจ้าไม่เคยเขียนจดหมายรับรองฉบับใดเหมือนฉบับนี้มาก่อนเลย
....และคงไม่ได้เขียนอย่างนี้เป็นฉบับที่สองอีกแน่นอน


นักเรียนส่วนมาก เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก แม้เพียงเศษเสี้ยวของที่ดอว์นต้องประสบมา ก็คงท้อถอยยอมแพ้ไม่เป็นท่า
แต่สาวน้อยผู้นี้ ที่แม้ต้องผ่านเหตุการณ์แสนสาหัส ต้องพบกับความหิวโซ ระเหเร่ร่อนไร้บ้านอยู่อาศัย และเผชิญความลำบากอีกนานัปการ
แต่เธอก็ลุกขึ้นยืนผงาดเหนืออุปสรรคชีวิตทั้งปวงนั้น
....ยืนตระหง่านเป็นสตรีสาวน้อย ที่โดดเด่นเหนือหมู่คน"



เหตุการณ์ในเดือนต่อๆ มาเธอได้รับตำตอบรับเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยในรัฐนอร์ธแคโรไลน่าทั้ง 4 แห่ง
เป็นจดหมายตอบรับที่แนบมาพร้อมกับเอกสารมหาวิทยาลัยอีกปีกใหญ่ๆ ทั้งสิ้น


แต่เมื่อมีจดหมายจากฮาร์วาร์ด กลับเป็นจดหมายบางๆ เพียงฉบับเดียว ไม่มีเอกสารอื่นแนบมาด้วยเลย
ซึ่งเป็นลักษณะจดหมายตอบปฏิเสธที่นักเรียนไม่อยากได้รับกันเลย
เมื่อเปิดจดหมายออกอ่าน พบใจความว่า
"ถึงคุณดอว์น ลอกกินส์ ข้าพเจ้ามีความยินดีจะแจ้งให้ทราบว่า
คณะกรรมการคัดเลือกนักศึกษาเข้าเรียน ได้ให้ข้าพเจ้ามาแจ้งว่า ท่านได้รับการคัดเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของเราแล้ว....โดยปรกติทางมหาวิทยาลัยจะส่งสัญญาณมาบอกก่อนเวลาอันควรเช่นนี้ สำหรับนักเรียนที่โดดเด่นมากๆ เท่านั้น....”


นอกจากจะได้รับเลือกเข้าเรียนแล้ว....เธอยังได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอีกด้วย


เมื่อเรื่องราวของเธอได้กลายเป็นข่าว "From Homeless to Harvard" เธอได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ WBTV ว่า
"เมื่อคุณมีความฝัน คุณสามารถบุกบั่นให้ฝันเป็นจริงได้ โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น
มีแต่ตัวคุณเองเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะสร้างฝันของตัวคุณเองให้เป็นจริงขึ้นมาได้"


นับแต่ที่เรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าว มีผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ
และได้ส่งกำลังใจมาให้เธอมากมาย มีผู้ส่งเงินสนับสนุนให้เธอมาด้วย
ดอว์นบอกว่า ไม่ได้ต้องการเงินเหล่านั้น
"เพราะเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย หนูได้ทุนค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและอาหาร
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่าตำราเรียน หนูสามารถหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินมาได้"

เธอตั้งความหวังไว้ว่า จะสามารถจัดตั้งองค์กรการกุศลที่จะช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นที่ประสบอุปสรรคขัดขวางการศึกษา โดยใช้เงินที่มีผู้บริจาคให้เธอมาเป็นทุนก่อตั้ง
"ยังมีเด็กอีกมากมายที่อนาคตยังมืดมน และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากกว่าหนูอีก
หนูอยากให้พวกเขาได้ใช้เรื่องราวของหนูเป็นแรงจูงใจ และอยากให้ทำให้ผู้คนทั่วไปรับรู้ว่า
ยังมีเด็กจรจัดไร้บ้านที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกมาก"



เมื่อวันที่ 7 มิย.2012 ที่ผ่านมา เป็นวันพิธีจบการศึกษาของโรงเรียน ตอนที่สาวน้อย ดอว์นเดินขึ้นรับประกาศนียบัตร เพื่อนนักเรียนทั้งโรงเรียน ต่างได้ลุกขึ้นยืน ปรบมือดังกึกก้องโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงความชื่นชมและให้เกียรติอย่างสูง แก่สาวน้อย-ดอว์น ลอกกิ้นส์ ผู้เด็ดเดี่ยวที่ทอฝันให้เป็นจริง......
.....เราขอยืนขึ้นเพื่อปรบมือให้เธอ และขอส่งใจให้เธอจงสำเร็จสัมฤทธิ์ผล ในการสร้างสานฝัน ให้ตนเอง และให้โลกต่อไป....






(เรียบเรียงจากข่าว abc และ cnn โดย Hachapan Uachotikoon)

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น